วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ระวัง!! ตาบอดจากโรคเบาหวาน

ระวัง!! ตาบอดจากโรคเบาหวาน
โดย : รศ.นพ.อภิชาติ  สิงคาลวณิช



        โรคเบาหวานทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางตาเกิดอาการตามัว 
จนกระทั่งถึงตาบอดได้ !!...

        โรคเบาหวาน เป็นโรคที่เกิดจากมีความผิดปกติของระดับฮอร์โมนอินสุลิน 
ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดโดยผู้ป่วยจะมีระดับฮอร์โมนอินสุลินต่ำทำให้ระดับน้ำตาล
ในเลือดสูงขึ้น มีน้ำตาลออกมากับปัสสาวะ อาการเริ่มแรกที่ปรากฏคือปัสสาวะบ่อย 
กระหายน้ำอ่อนเพลีย เมื่อเป็นโรคนานขึ้น  จะมีการชาตามปลายมือ ปลายเท้า 
มีการเปลี่ยนแปลงในหลอดเลือดตามอวัยวะต่าง ๆ ผนังหลอดเลือดจะหนาตัวขึ้น 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หัวใจ ไต และ ตา

          การตรวจที่ทำให้ทราบว่าเป็นเบาหวาน คือ ตรวจพบมีน้ำตาลในปัสสาวะ
และ การตรวจเลือดพบมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ

สาเหตุของตามัวและตาบอดในโรคเบาหวาน



          โรคเบาหวานทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทางตา เกิดอาการตามัว จนกระทั่งถึง
ตาบอดได้ ถ้าเป็นโรคนานหลายปี อาการตามัวจากเบาหวานเกิดได้ดังนี้

  ตามัวขณะที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง

          ผู้ป่วยเบาหวานอาจมีอาการตามัวในขณะที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง 
เนื่องจากเลนส์ตาเกิดการบวมน้ำ เวลามองภาพไม่สามารถปรับโฟกัสภาพให้เห็นชัด
ได้ลักษณะที่เกิดเหมือนกับคนที่มีสายตาสั้น อาการเหล่านี้เกิดเพียงชั่วคราว 
เมื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติระดับสายตาจะกลับดีขึ้นได้

  ตามัวเนื่องจากเป็นต้อกระจก

          ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานนาน ๆ เลนส์ตาที่ใสจะขุ่น ที่เราเรียกว่าต้อกระจก 
เกิดเนื่องจากน้ำตาลในเลือดมีการเปลี่ยนแปลงเป็นสารซอบิตอล และฟรุคโตส 
ซึ่งสารเหล่านี้จะสะสมที่เลนส์ตา ทำให้เลนส์ตาขุ่นบังแสงมิให้เข้าสู่นัยน์ตา วิธีรักษาคือ 
เมื่อต้อกระจกขุ่นมาก ทำการผ่าตัดเอาเลนส์ที่ขุ่นออก และให้ผู้ป่วยใส่แว่น

  ตามัวเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงที่จอประสาทตา

          สาเหตุเกิดจากจุดรับภาพที่จอประสาทตาบวม มีเลือดออกภายในลูกตาดำ
เกิดเยื่อพังผืดดึงรั้งให้จอประสาทตาลอก จอประสาทตาของคนปกติ ประกอบด้วย
เส้นเลือดจำนวนมากแผ่เป็นร่างแหเลี้ยงเซลล์ประสาทตา การรับรู้ภาพเกิดโดยแสงจากวัตถุ
ผ่านตาดำและเลนส์ตาหักเหรวมแสงให้ภาพตกที่จอประสาทตาและการรับรู้ถ่ายทอดจาก
จอประสาทตาผ่านตามเส้นประสาทจากนัยน์ตาไปยังสมอง

          ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมานาน จอประสาทตามีการเปลี่ยนแปลง โดยในระยะแรก
หลอดเลือดฝอยที่ประสาทตา มีการโป่งพอง และอาจแตกเห็นเป็นจุดเลือดออกเล็ก ๆ 
อาจพบไขมันออกจากผนังหลอดเลือดไขมันเหล่านี้ถ้ารวมอยู่บริเวณจุดรับภาพ 
จะทำให้ตามัว มองภาพไม่ชัด 

          ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมานานเป็นสิบ ๆ ปี จอประสาทตาส่วนที่ขาดเลือดจะถูก
กระตุ้นให้เกิดเส้นเลือดขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีผนังเปราะและแตกออกง่าย ในระยะที่มี
เส้นเลือดผิดปกติเกิดขึ้นนี้อันตรายมาก เพราะเส้นเลือดแตกง่าย ทำให้เลือดออกภายใน
ลูกตาและตามัวลงทันที นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจมีเนื้อเยื่อคล้ายพังผืดงอกตามเส้นเลือด
และ ดึงรั้งให้ชั้นของประสาทตาลอก ทำให้ตาบอดได้

          การเปลี่ยนแปลงที่ชั้นประสาทตาเหล่านี้ พบว่าสัมพันธ์กับระยะเวลา
ที่เป็นเบาหวาน ถ้าเป็นเบาหวานมานาน 15 ปี โอกาสเกิดการเปลี่ยนแปลงที่
จอประสาทตามี 50-60 เปอร์เซ็นต์ และเกิดตาบอดได้ 1-2 เปอร์เซ็นต์

  ตามัวจากต้อหิน

          ผู้ป่วยเบาหวานพบเป็นต้อหินได้ เนื่องจากเกิดเส้นเลือดที่ผิดปกติ
ที่บริเวณม่านตา (เป็นส่วนตาดำที่มองเห็น) เส้นเลือดเหล่านี้จะอุดทางเดินของ
น้ำภายในลูกตาทำให้ความดันตาสูง ผู้ป่วยมีอาการปวดตา ตามัวและเมื่อเป็นนาน
เข้าความดันจะกดให้ประสาทตาฝ่อและตามบอดได้


 การป้องกันมิให้สายตาเสื่อมลง

  ตรวจสุขภาพตาเป็นระยะ ๆ 

          ผู้ป่วยเบาหวาน ควรได้รับการตรวจสายตา และจอประสาทตาโดยแพทย์การ
เปลี่ยนแปลงที่ตรวจพบได้ในระยะแรกคือการโป่งพองของเส้นเลือดฝอยที่จอประสาทตา 
สิ่งสำคัญที่บอกถึงการพยากรณ์โรค และอัตราเสี่ยงต่อการเกิดตาบอดในภายหลังก็คือ 
การพบเส้นเลือดที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งเห็นได้โดยการใช้กล้องตรวจดูประสาทตา 
หรือฉีดสีเข้าเส้นเลือด และถ่ายภาพดูเส้นเลือดที่ประสาทตา

  ควบคุมระดับน้ำตาลให้ใกล้เคียงปกติ

          ถึงแม้ในปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการควบคุมระดับน้ำตาลจะช่วยยับยั้ง
การเปลี่ยนแปลงของประสาทตามิให้เลวลง ได้ผลจริงหรือไม่ แต่การควบคุมระดับ
น้ำตาลในเลือด ก็สามารถลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ของโรค จึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง

  การจี้ด้วยแสงเลเซอร์

          แสงเลเซอร์ เป็นสิ่งที่มีความยาวของคลื่นแสงขนาดเดียวกัน สามารถปรับให้
ลำแสงมีขนาดเล็กมาก แสงนี้สามารถผ่านตาดำ เลนส์ตา และเมื่อกระทบกับประสาทตา 
จะถูกเปลี่ยนพลังงานจากพลังงานแสงเป็นพลังงานความร้อน

          การใช้แสงเลเซอร์จี้ที่ประสาทตา ทำให้ส่วนของจอประสาทตาที่ขาดเลือด
ต้องการออกซิเจนลดลง เป็นการป้องกันมิให้เกิดเส้นเลือดใหม่ที่ผิดปกติ นอกจากนี้
แสงเลเซอร์ยังใช้จี้เส้นเลือดที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นแล้ว ให้ฝ่อไปได้

          สรุป ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานมีผลแทรกซ้อนอันสำคัญทางจักษุ ที่ทำให้ตาบอดก็คือ 
เกิดการเปลี่ยนแปลงในชั้นของประสาทตา เกิดต้อกระจก และต้อหิน การป้องกันมิให้
สายตาเลวลง คือตรวจสุขภาพตาเป็นระยะ ๆ เมื่อพบการเปลี่ยนแปลงที่ประสาท
ตามากขึ้น การรักษาโดยใช้แสงเลเซอร์จะช่วยป้องกันมิให้สายตาเลวลง


หรือ ท่านสามารถศึกษาได้จากคลิป ด้านล่างนี้......


ปรึกษาปัญหาสุขภาพฟรี
Callcenter : 0982846224 , 0968578124
Line : neung_sucess
Fanpage : www.facebook.com/Successmore.target

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น